เสาเข็มไมโครไพล์มีข้อดีอย่างไร
การปลูกบ้าน ต่อเติมบ้าน หรือสร้างอาคารต่าง ๆ รวมถึงการซ่อมแซมบ้านที่จำเป็นต้องใช้เสาเข็มนั้น แต่ยังไม่รู้ควรเลือกใช้เสาเข็มแบบใด วันนี้เราจะมาแนะนำ “เสาเข็มไมโครไพล์” ซึ่งเป็นเสาเข็มที่สามารถช่วยให้อาคารบ้านเรือนมีความแข็งแรง ปลอดภัย อีกทั้งยังมีข้อดีอย่างน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
1. เสาเข็มไมโครไพล์สามารถรองรับน้ำหนักได้เยอะ
เนื่องจากเสาเข็มไมโครไพล์มีหลากขนาดและหลายรูปแบบ แต่เฉลี่ยแล้วจะรับน้ำหนักได้ประมาณ 15 – 35 ตัน โดยเสาจะมีขนาดยาว 1.5 ม. และใช้ตุ้มตอกน้ำหนัก 1.2 ตัน จึงสามารถลดแรงกระแทกขณะกดลงดินได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเราจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่กระเทือนต่อโครงสร้างเดิม และส่วนต่อเติมของโครงสร้างที่เราทำไปใหม่ ไม่เกิดการทรุด กล่าวได้ว่าเสาเข็มชนิดนี้ช่วยให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องการรับน้ำหนักเลย
2. ขนย้ายเข้าหน้างานแคบเสาเข็มไมโครไพล์ได้สะดวก
ด้วยความที่มีขนาดสั้น ช่วยให้เราสามารถขนย้ายเสาเข็มไมโครไพล์เข้าสถานที่ก่อสร้างได้สะดวก เข้าในพื้นที่แคบได้ ทำให้ช่างทำการซ่อมแซม ต่อเติม หรือทำรากฐานโครงสร้าง ได้ในจุดที่่เข้ายาก ทำให้งานต่อเติมเสร็จได้ระยะเวลาสั้น ๆ
3. เสาเข็มไมโครไพล์ใช้เวลาน้อย
สำหรับขั้นตอนการตอกเสาเข็มไมโครไพล์นั้น ใช้แค่เพียงเครื่องตอกเสาเข็มไมโครไพล์ตอกลงทีละท่อนและเชื่อมต่อ เพราะตัวเสาชนิดนี้มีความยาวประมาณ 1.50 เมตร จึงช่วยให้งานเสร็จอย่างรวดเร็วโดยไม่เสียเวลา
4. ใช้งานได้แม้กระทั่งพื้นที่จำกัด
สำหรับงานต่อเติมบ้านหรือก่อสร้างอาคารใด ๆ เสาเข็มไมโครไพล์เป็นชนิดที่เหมาะกับงานเหล่านี้อย่างยิ่ง เพราะทั้งขนย้ายเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ง่ายแล้ว งานต่อเติมแบบใกล้ชิดกำแพงหรือระยะ 40 ซม. ก็สะดวกอีกด้วย โดยไม่ส่งผลกระทบต่ออาคารบ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียง
5. เสาเข็มไมโครไพล์มีโครงสร้างที่แข็งแรงมาก
การผลิตเสาเข็มไมโครไพล์แต่ละต้นนั้น จะใช้วิธีแบบหล่อใช้กำลังอัดไม่น้อยกว่า 300 กก./ตร.ซม. ทำให้เสาเข็มชนิดนี้มีความหน้าแน่นของปูนและโครงสร้างแข็งแกร่งมากกว่าคอนกรีตทั่วไป ช่วยให้รองรับน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรืออาจเรียกได้ว่า “จิ๋วแต่แจ๋ว” นั่นเอง
เราจึงสรุปได้ว่าเสาเข็มไมโครไพล์มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับใช้ในงานก่อสร้าง ซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน หรือทำการต่อเติมโครงสร้าง ถึงจะมีขนาดเล็กแต่ก็สามารถรองรับน้ำหนักมาก ๆ ได้ดีและสะดวกกับการใช้งานในพื้นที่ค่อนข้างจำกัด โดยไม่ต้องกังวลถึงปัญหาต่าง ๆ ที่อาจตามมาในภายหลัง ช่วยให้ประหยัดระยะเวลาในการก่อสร้างและงานออกมาอย่างสมบูรณ์แบบตามที่กำหนดไว้